ครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับกลางคืน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ไนท์ครีม (Night Cream) เป็นผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยบำรุงผิวหน้าคุณได้อย่างล้ำลึกในขณะที่ร่างกายกำลังนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะครีมจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ และสารบางชนิดจะทำหน้าที่ได้ดีในเฉพาะเวลากลางคืน อย่างเช่น ascorbic acid (Vit C) วิตามิน C สารสกัดจากผลส้ม ช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิว ทำให้ผิวดูสวยงามมากขึ้น ช่วยลดริ้วรอย และทำให้ผิวเต่งตึง ผิวหน้าไร้ความมัน เรียบเนียน และรูขุมขุนที่เล็กลง ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ที่เป็นเหตุของจุดด่างดำบนใบหน้า จึงช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ต่อต้านอาการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ก็ทำให้ผิวไวต่อแสง จึงไม่นิยมนำมาใส่ใน Day Cream หรืออาจใส่ในปริมาณที่น้อยมากค่ะ
อย่างไรก็ตาม หลายต่อหลายคนมักจะคิดว่า จำเป็นจริง ๆ เหรอ?
ครีมอะไรก็น่าเหมือนกันหมดนะ! น่าจะเป็นแค่การตลาดเท่านั้น! วันนี้เราจะมาพิสูจน์และอธิบายให้เห็นภาพกันชัด ๆ เลยค่ะว่า จริง ๆ แล้วไนท์ครีมสำคัญจริงหรือไม่? เผยเคล็ดลับการเลือกไนท์ครีมให้เข้ากับสภาพผิวของแต่ละคน ลำดับขั้นตอนการลงไนท์ครีม และรวมไปถึงสาว ๆ ที่มีผิวแพ้ง่ายควรจะหลีกเลี่ยงไนท์ครีมแบบไหนกันนะ? ตามมาดูกันเลยค่ะ!!
ครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับกลางวันและกลางคืนต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจจะมีคำถามอยู่ในใจว่า ทำไมเราจึงต้องแยกครีมกลางวันกับกลางคืน ต่างกันตรงไหนนะ? เพราะสุดท้ายก็ต้องซึมเข้าผิวหน้าไปหมดอยู่ดี เรามีคำอธิบายให้ฟังค่ะ!!
เดย์ครีม (Day Cream) คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่เราใช้ในเวลากลางวัน โดยปกติแล้วเดย์ครีมจะมีคุณสมบัติและทำหน้าที่หลักในการปกป้องแสงแดดจาก UVA และ UVB ซึ่งเป็นตัวการการทำร้ายผิว ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ก่อให้เกิดฝ้า กระ และเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร Texture ของเดย์ครีมนี้จะมีลักษณะบางเบา ซึมสู่เข้าผิวได้ดี เกลี่ยง่าย ไม่ไหลเยิ้ม ซึ่งบางยี่ห้อจะใส่ส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันให้กับผิวหน้าในระหว่างวันด้วยค่ะ
ส่วนไนท์ครีม (Night Cream) นั้นจะทำงานได้อย่างดีในช่วงเวลาที่ร่างกายได้รับการพักผ่อน เปรียบเสมือนกับการ Restore และ Repair ให้กับผิวในแต่ละวัน ที่ต้องพบเจอทั้งแดด ฝุ่น หรือมลภาวะต่าง ๆ
ดังนั้นไนท์ครีมจะมีความเข้มข้นสูงมาก มีส่วนผสมหลักจำพวกวิตามินและกรดไฮยาลูรอนิค ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวชั้นในและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวให้กลับมาดูสดใส
เต่งตึงราว เนียนนุ่มขึ้นอีกครั้งค่ะ
อายุเท่าไหร่จึงควรเริ่มใช้ไนท์ครีม?
จริง ๆ แล้วการใช้ไนท์ครีมนั้นไม่จำกัดอายุเลยค่ะ ใครที่คิดว่า เดี๋ยวค่อยเริ่มใช้ตอนอายุ 30 ก็ได้ เพราะตอนนี้ผิวหน้ายังดีอยู่ ขอเบรกเอี๊ยดไว้เลยค่ะ!! เพราะอันที่จริงแล้ว เราจำเป็นจะต้องบำรุงผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่ผิวจะเริ่มอ่อนแอและเกิดปัญหาผิวมากมายจนสายเกินไปค่ะ ในขณะเดียวกัน ก็ควรเลือกไนท์ครีมให้เหมาะสมกับช่วงอายุ อย่างเช่น สาว ๆ วัยทีนที่อยู่ในช่วงมัธยมปลาย ควรเลือกจากสรรพคุณที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นและเสริมความแข็งแรงให้ผิวเป็นลำดับแรก เพราะสาว ๆ ในวัยนี้มักจะมีกิจกรรมที่ต้องเผชิญแดดแรง ๆ อยู่เป็นประจำ ทำให้ผิวคล้ำเสียและขาดความชุ่มชื้น
ส่วนสาว ๆ ในวัย 25 ปีขึ้นไป ควรเลือกใช้ไนท์ครีมที่ช่วยเรื่องการลดริ้วรอย พร้อมทั้งช่วยให้ผิวหน้าและรูขุมขนกระชับยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำอันเป็นสาเหตุของผิวหน้าเหี่ยวย้อยก่อนวัยอันควรได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่ เราขอเน้นย้ำชัด ๆ เลยนะคะว่า ห้ามปล่อยปละละเลยการบำรุงผิวหน้าเป็นอันขาด ก่อนที่จะสายเกินแก้ค่ะ !
หลักการเลือกซื้อไนท์ครีม
ทุกคนคงทราบแล้วว่าไนท์ครีมแต่ละตัวคุณสมบัติก็เหมือนหรือคล้ายกันไปหมด ถึงแม้คุณสมบัติจะเหมือนกัน แต่ส่วนผสมและวิธีการผลิตก็ยังต่างกันนะคะ จึงทำให้ราคาและผลลัพธ์ที่ได้นั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน
อีกทั้งวิธีการเลือกไนท์ครีมควรพิจารณาจากสิ่งนี้ค่ะ
1. เลือกจากส่วนผสมที่ช่วยในการบำรุงของไนท์ครีม
ส่วนผสมในไนท์ครีมนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นตัวตัดสินได้ดีว่าไนท์ครีมตัวไหนกันนะที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา เพราะส่วนผสมแต่ละตัว ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันไปค่ะ เช่น
hydrolyzed collagen ช่วยมอบความฉ่ำน้ำให้กับผิวและป้องกันการสูญเสียของน้ำที่จะเป็นต้นเหตุของการเกิดริ้วรอยและใบหน้าแห้งกร้านก่อนวัยอันควร เพื่อปรับโครงสร้างของผิวให้แข็งแรงและเรียบตึงขึ้นเพิ่มความชุ่มชื้น เปล่งปลั่งลดรอยเหี่ยวย่น หมองคล้ำทำให้ผิวคงความอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
dl-apha-tocopheryl acetate Vitamin E (dl-alpha tocopherol) เป็นวิตามินอี ชนิดที่มีคุณภาพสูงสุด มีชีวปริมาณออกฤทธิ์ (bioavailability) สูงสุดเมื่อเทียบเท่ากับวิตามินอี ชนิดอื่นๆ เช่น Tocopheryl Acetate สามารถปกป้องเนื้อเยื่อแซลล์จากอนุมูลอิสระ สามารถปกป้องผิวจากริ้วรอยและวัยที่เกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร (premature aging) ซึ่งมักเกิดจากแสง UV และการ peroxidation ของไขมันในผิว
Phytopolyamine-S สารสัดจากถั่วเหลือง มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิว ให้แลดูอ่อนเยาว์ชะลอและป้องกันความเสื่อมของผิว เพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้ผิว พร้อมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมนี้ควรใช้แค่ตอนกลางคืนนะคะ เพราะเป็นส่วนผสมที่ไวต่อแสงมากค่ะ หากใช้ผิดวิธีจะทำให้หน้าลอกได้ค่ะ
2. เลือกไนท์ครีมจากสภาพของผิวหน้า
สาวผิวหน้ามัน – การเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับสาวผิวหน้ามัน ปัจจัยหลักที่ควรคำนึงถีงคือต้องหลีกเลี่ยงไนท์ครีมจำพวก Oil และเนื้อครีมที่มีเนื้อหนักทำให้ตกค้างและไม่สามารถซึมสู่ใบหน้าได้ดี ทำให้เกิดการอุดตันใต้ผิวหนัง ซึ่งจะก่อให้เกิดสิวได้ค่ะ เราจะมาแนะนำถึงส่วนผสมหลักที่ควรจะมีอยู่ในไนท์ครีมสำหรับสาวผิวหน้ามัน มาให้สาว ๆ ไว้ใช้เป็นเคล็ดลับในการเลือกกันค่ะ
Oil-Free หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันทุกชนิด เพราะหากคนที่มีผิวหน้ามันใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจาก Oil จะยิ่งเป็นการเพิ่มความมันบนใบหน้าและทำให้ครีมอุดตันได้ค่ะ
garcinia mangostana bark (สารสกัดจากเปลือกมังคุด) ถึงมีสรรพคุณในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ จึงนำมาใช้ในผลิตภัณพ์รักษาสิวและป้องกันสิว ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระของการเกิดริ้วรอยของผิวพรรณ ชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย บรรเทาการเกิดอาการแพ้ ป้องกันผิวจากแสงแดด
Allatoin ช่วยปลอบประโลมผิว, ลดการระคายเคือง, สมานแผล, ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกอย่างอ่อนโยน โดยทำให้เซลล์หนังกำพร้าอ่อนนุ่มขึ้น และคลายตัว จึงกระตุ้นให้เกิดกระบวนการหลุดลอกออกไปเป็นขี้ไคลได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เซลล์ผิวใหม่ได้รับสารอาหาร และการบำรุงได้ดีขึ้น จะช่วยในการละลายและลดความมันในชั้นผิวทำให้ความมันบนใบหน้าลดลงไปด้วยค่ะ
สาวผิวหน้าแห้ง – อย่างที่ทราบว่าสาว ๆ ผิวแห้งนั้นต้องการการบำรุงอย่างหนักหน่วง เพราะผิวสูญเสียน้ำได้ง่ายกว่าปกติ และในทุก ๆ วัน ผิวของเราต้องเผชิญกับแสงแดดอันแรงกล้า ทำให้ผิวหน้าสูญเสียความชุ่มชื้นได้มากเท่าตัว ผิวหน้าจะเป็นขุยและแต่งหน้าไม่ติด วันนี้เราจึงรวบรวมถึงส่วนผสมที่ควรจะมีอยู่ในไนท์ครีมของสาวผิวหน้าแห้ง กันค่ะ
hydrolyzed pearl สารสกัดจากไข่มุกธรรมธรรมชาติ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า HYDROLYSED PEARL EXTRACT เป็นสารสกัดที่มีกรดอะมิโนจำนวนมาก โดยเฉพาะกรดอะมิโนที่จำเป็นชนิดที่ผิวไม่สามารถสร้างเองได้ถึง 8 ชนิด เช่น Threonine Serine Glutamin acid Glycene Arginine เป็นต้น และยังมีส่วนผสมของแร่ธาตุต่างๆ เช่น เซเลเนียม เจอมอเนี่ยม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ตำเป็นต่อการสังเคราะห์โครงสร้างของผิว ช่วยปรับสภาพเซลล์ผิวหนังและลดสีผิวที่ตกกระช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำช่วยในการอุ้มน้ำให้กับผิว ช่วยในการเร่งการผลัดเซลล์ที่ตายแล้ว และเร่งการสร้างผิวใหม่ที่ขาวใสกว่าเดิม
hydrolyzed collagen ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักเจ้าคอลลาเจนกันดี เพราะเป็นส่วนผสมยอดฮิตที่ทุกคนมักจะนึกถึง ด้วยคุณประโยชน์ที่ครอบคลุมจักรวาลจึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดความสวยความงาม เช่น ช่วยให้ผิวที่ดูโทรมเปลี่ยนเป็นผิวที่สดใส หรือยังช่วยให้ผิวหนังดูกระชับและเต่งตึง เพื่อปรับโครงสร้างของผิวให้แข็งแรงและเรียบตึงขึ้นเพิ่มความชุ่มชื้น เปล่งปลั่งลดรอยเหี่ยวย่น หมองคล้ำทำให้ผิวคงความอ่อนเยาว์อยู่เสมออีกด้วยค่ะ
Phytopolyamine-S สารสัดจากถั่วเหลือง มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิว ให้แลดูอ่อนเยาว์ชะลอและป้องกันความเสื่อมของผิว เพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้ผิว พร้อมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว หัวใจสำคัญของการรักษาความชุ่มชื้นของผิว เพราะช่วยฟื้นฟูผิวแห้งได้อย่างดี และช่วยเป็นเกราะป้องกันการสูญเสียของน้ำได้ด้วยค่ะ
กลีเซอรีน (glycerin) เป็นส่วนผสมที่มักจะนำมาใช้กับการผลิตสบู่ เพราะคุณสมบัตินั้นช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไม่ให้ถูกชะล้างไปในขณะล้างหน้า ทำให้ผิวดูไม่แห้งตึงหลังการใช้งาน เช่นเดียวกับการนำมาใช้กับไนท์ครีม จะสามารถช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ตลอดทั้งคืนจนถึงเช้าเลยละคะ
3. เลือกไนท์ครีมจากคุณสมบัติอื่น ๆ ตามปัญหาผิว
นอกจากการคำนึงถึงสภาพผิวแล้ว สิ่งต่อมาที่ควรคำนึงถึงคือปัญหาที่กวนใจต่อผิว เช่น หากคุณเป็นคนที่มีใบหน้าหมอง สีผิวไม่สม่ำเสมอ คล้ำเสียจากการโดนแดด ควรเลือกถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจาก garcinia mangostana bark (สารสกัดจากเปลือกมังคุด) ถึงมีสรรพคุณในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ จึงนำมาใช้ในผลิตภัณพ์รักษาสิวและป้องกันสิว ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระของการเกิดริ้วรอยของผิวพรรณ ชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย บรรเทาการเกิดอาการแพ้ ป้องกันผิวจากแสงแดด เพื่อช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ช่วยมอบผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่าเดิม หรือหากว่าคุณมีผิวที่ไม่เรียบเนียน ผิวหย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอย
ควรเลือกใช้สูตรที่มีส่วนผสมจาก hydrolyzed pearl สารสกัดจากไข่มุกธรรมธรรมชาติ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า HYDROLYSED PEARL EXTRACT เป็นสารสกัดที่มีกรดอะมิโนจำนวนมาก โดยเฉพาะกรดอะมิโนที่จำเป็นชนิดที่ผิวไม่สามารถสร้างเองได้ถึง 8 ชนิด เช่น Threonine Serine Glutamin acid Glycene Arginine เป็นต้น และยังมีส่วนผสมของแร่ธาตุต่างๆ เช่น เซเลเนียม เจอมอเนี่ยม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ตำเป็นต่อการ สังเคราะห์โครงสร้างของผิว ช่วยปรับสภาพเซลล์ผิวหนังและลดสีผิวที่ตกกระช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำช่วยในการอุ้มน้ำให้กับผิว ช่วยในการเร่งการผลัดเซลล์ที่ตายแล้ว และเร่งการสร้างผิวใหม่ที่ขาวใสกว่าเดิม เพื่อช่วยต่อต้านริ้วรอยที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือทำให้ริ้วรอยที่มีอยู่แล้วจางลงค่ะ
4. ผิวแพ้ง่าย
ควรเลือกไนท์ครีมที่ปราศจากสารระคายเคือง สาว ๆ ที่มีผิวแพ้ง่ายควรต้องหลีกเลี่ยงต่อสารเคมีด่วน ๆ เลยค่ะ เพราะว่าการใช้ไนท์ครีมที่ถูกวิธีคือ การลงครีมไว้บนหน้าตลอดทั้งคืนในระยะเวลา 8-10 ชั่วโมง และถ้าเกิดอาการแพ้เราจะไม่สามารถรู้ตัวได้เลย กว่าจะเห็นอีกทีก็เช้า ในเวลานั้นก็คงสายเกินไปเสียแล้ว ดังนั้นก่อนซื้อควรศึกษาข้อมูลให้ดี ๆ ก่อนเลยนะคะ ว่ามีสารเคมีตัวไหนที่จะระคายเคืองต่อผิวหน้าเราไหม ส่วนผสมที่สาวผิวแพ้ง่ายควรจะ Say No คือ แอลกอฮอล์, น้ำหอม และสารพาราเบนค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ ในปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ปราศจากสารเหล่านี้เพื่อตอบโจทย์ให้กับทุกสภาพผิวค่ะ
สนใจสั่งซื้อ ชีร่าไนท์บูสเตอร์ครีม กดที่รูปข้างล่างได้เลยค่ะ
